สตรอนเชียม (อังกฤษ: Strontium เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /?str?n?i?m, -??m, -ti?m/) สตรอนเชียมเป็นโลหะสีขาวเงิน ความถ่วงจำเพาะประมาณ2.5 ใกล้เคียงกับอะลูมิเนียม ซึ่งมีความถ่วงจำเพราะ 2.7 ซึ่งสตรอนเชียมคือธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 38 และสัญลักษณ์คือ Sr สตรอนเชียมอยู่ในตารางธาตุหมู่ 2 สทรอนเชียมเป็นโลหะแอลคาไลน์เอิร์ท มีสีขาวเงินหรือสีเหลืองมีเนื้อโลหะอ่อนนุ่มมีความไวต่อปฏิกิริยาเคมีมากจะมีสีเหลืองเมื่อสัมผัสกับอากาศ พบมากในแร่ซีเลสไทต์และสตรอนเชียไนต์ ล
Crawford แห่ง Edinburgh (Scotland) เป็นคนแรกที่ค้นพบธาตุสทรอนเซียมในปี ค.ศ. 1970 แต่ก็มีปรากฎหลักฐานว่า William Cruilshank (ชาวสก๊อตเช่นกัน) ได้ค้นพบธาตุนี้ก่อนในปี ค.ศ. 1787 เขาทั้งสองต่างทำการวิเคราะห์แร่ strontianite (SrCO3) ที่พบใน strontian (Scotland) Sir Humphry Davy ในปี ค.ศ. 1808 สามารถสกัดธาตุนี้ได้ โดยนำของผสมของสทรอนเซียมไฮดรอกไซด์หรือคลอไรด์ที่ขึ้นกับเมอร์คิวริกออกไซด์ (HgO) มาแยกสลายด้วยไฟฟ้า โดยใช้ปรอทเป็นคาโทด
คงมีไม่กี่คนที่เคยเห็นโลหะสีขาวเงินของสตรอนเชียม แต่คนจำนวนมากต้องเคยได้เห็นแสงที่ปลดปล่อยจากสตรอนเชียม แสงสีแดงของดอกไม้ไฟไฟส่วนใหญ่ได้จากปฏิกิริยาเผาไหม้ของสตรอนเชียม ปฏิกิริยานี้ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นไอโซโทป ไม่ว่าจะเป็น 88sr หรือ 90sr ต่างก็ให้สีแดง
ธาตุสทรอนเซียมใช้ประโยชน์ทำนองเดียวกับแคลเซียมและแบเรียม ประกอบกับเป็นธาตุที่หาได้ยากกว่ามาก (และมีราคาแพงกว่า) การผลิตสทรอนเซียมเพื่อมุ่งใช้ประโยชน์จึงมีน้อยมาก อย่างไรก็ตามก็มีการใช้ Sr เป็นตัว "getter" บ้างในหลอดสูญญากาศ ซึ่งสตรอนเทียมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ดังนี้
สตรอนเชียมเป็นสารอันตราย ปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสีก่อฝุ่นปรมาณู(ผลพลอยได้จากการแตกตัวนิวเคลียส) ภายหลังการระเบิดของระเบิดปรมาณู ที่อันตรายยิ่งกว่าสตรอนเชียมเป็นโลหะกลุ่มอัลคาไลน์เอิร์ทเหมือนกับแคลเซียม(Ca) จึงสะสมในเนื้อกระดูกได้เหมือนแคลเซียม แล้วปลดปล่อยกัมมันตภาพรังสี (? ซึ่งก็คืออิเล็กตรอนความเร็วสุูง)เป็นสาเหตุของมะเร็งกระดูกและมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีครึ่งชีวิตประมาณ 29 ปีเมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะคงอยู่ก่ออันตรายได้ต่อเนื่องยาวนาน สร้างความทุกข์ทรมาน แต่สตรอนเชียมดังกล่าวเป็น 90Sr ซึ่งเป็นไอโซโทปที่ได้จากการแตกตัวนิวเคลียส ไม่มีในธรรมชาติ